"มาดพยัคฆ์" พร้อมบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ นรชาย กัจฉปานนท์

ทำไมถึงต้องเป็นสารคดีชีวิตของพี่มาด สามารถ พยัคฆ์อรุณ
จุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้ มันเริ่มต้นมาจากทางช่อง Now มาร่วมงานกับ Local Color Films เค้าจะทำคอนเทนท์เกี่ยวกับมวยมี สามารถ พยัคฆ์อรุณ เป็นตัวตั้ง โปรดิวเซอร์เขาเคยเห็นเราทำสารคดีเบื้องหลังหนังครับ ก็เลยให้ช่วยมาลองคิดว่า จะทำอะไรเกี่ยวกับอันนี้ดี ก็ทำสารคดีชีวิตเขา เพราะว่าชีวิตเขาเคยผ่านอะไรมาเยอะ แล้วก็เป็นสุดยอดมวย คือรู้สึกว่า เขาก็เป็นหนึ่งในตำนานนักมวยที่คนทั่วประเทศให้การยอมรับครับ
เท่าที่พอลงไปสัมภาษณ์เขา รู้สึกว่าชีวิตเขามีความเป็นหนังมาก แต่ละช่วงชีวิตมันจะมีความสูงสุด ต่ำสุดของชีวิต อีกอย่างหนึ่งคือเขาหน้าตาดี ทำงานอยู่ในวงการบันเทิง เราก็คิดว่า เราน่าจะทำหนังชีวิตเขาได้ เราก็พล็อตชีวิตเขามาเป็นบทหนังเรื่องหนึ่งครับ

มีหลายคนที่มองว่าหนังชกมวย ทำออกมากี่เรื่องก็สนุกทั้งนั้น ผู้กำกับคิดว่าจริงหรือไม่จริง
จริง ๆ ผมว่า ก็จริงครับ เพราะว่าชีวิตนักมวยมันจะสนุก แพทเทิร์นคล้าย ๆ กัน ต้องไต่เต้า ต้องต่อสู้กับอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่น่าสนุกก็คือ “ชีวิตนักมวยมันจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ชีวิตส่งมาให้ ตอนเด็กอาจจะเป็นความยากจน โตขึ้นมาหน่อยก็ความท้อแท้ที่ต้องพยายามขึ้นไป ตอนมีชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นความกดดันอีกแบบหนึ่ง มันก็จะเหมือนชีวิตคนเรามันต้องต่อสู้”

ส่วนตัวชอบซีนที่นักข่าวบอกพี่มาดว่า "ขอท่าเด็ด ๆ หน่อย ขอท่าสวย ๆ หน่อย" เป็นซีนที่แอบรู้สึกว่ามีอารมณ์ขันอยู่ในนั้น แล้วตัวผู้กำกับเอง คิดว่าซีนไหนที่ใส่เข้ามาแล้วรู้สึกว่า "ซีนนี้คือซีนที่น่ารัก"
คือผมชอบตรงที่ หนังเรื่องนี้มันเล่าด้วยสารคดี มันก็จะมีบุลคลจริงที่อยู่ในนั้น ผมรู้สึกว่า ซีนที่มันรีแลกซ์ ที่มันยิ้ม ๆ ก็คือพี่มาดเขาไปเจอกับบุลคลจริงเหล่านั้น มันเหมือนบทสนทนาที่เกิดจากการเล่ารำลึกความหลังกัน เขาจะพูดเรื่องตลก ๆ แบบเจอเพื่อนที่เป็นแชมป์มวยสากลด้วยกันอย่าง “สด จิตรลดา” เจอกับคู่ชกที่ชกด้วยกันแบบ “ดีเซลน้อย” เขาก็มากอดคอนั่งคุยเรื่องเก่า ๆ “เออมึงจำตอนโน้นได้ไหม มึงจำตอนนี้ได้ไหม” ตรงเนี้ยมันเป็นอีกซีนหนึ่งที่สนุก ๆ ครับ

นักแสดงในเรื่อง ทั้งนักแสดงนำ, นักแสดงสมทบและอื่น ๆ ถือว่ามีความคล้ายคลึงกับตัวจริงมากเลยทีเดียว มีวิธีการคัดเลือกนักแสดงอย่างไรบ้างคะ
จริง ๆ แล้วก็หนักใจครับตรงนี้ เพราะว่าอย่างที่บอก เหมือนเราหาเรื่องที่จะเซ็ตตัวละครขึ้นมาเขียนเป็นหนัง ก็ต้องไปหาคนที่หน้าคล้าย ๆ แล้วบุลคลจริงพวกนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ปวดหัวเลยครับ ก็คือทั้งเดือนไม่ต้องทำอะไรเลย ไปหาทุก ๆ ค่าย ถ่ายรูปนักมวยทุกคนทุกค่าย แล้วก็มานั่งเลือกกันว่าคนนี้หน้าเหมือนใคร แล้วก็จับใส่เข้าไป เราไม่ได้เอานักแสดงจริงเล่น เราใช้นักมวยจริง ๆ นักมวยเล่นแล้วใครจะหน้าเหมือนพี่มาด ก็คือหากันแทบทุกคน หา ๆ แล้วก็ คนนี้หน้าเหมือนมากสุด แต่ว่าต้องไปฝึกเพิ่ม เราก็ใช้วิธีแบบนั้นครับ แบบไปหาตามค่ายมวย แล้วก็เอามาให้ใกล้เคียงที่สุดในแต่ละยุคครับ

สุดท้ายนี้ขอให้ผู้กำกับฝากถึงภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยค่ะ
หนังเรื่องนี้มันอาจจะสร้างความหลากหลายให้วงการภาพยนตร์ได้ คือเหมือนหนังที่ทำเป็นอัตชีวประวัติอาจจะไม่ค่อยมี อาจจะเป็นหนังที่ biography แล้วก็ผสมความเป็นสารคดีเข้าไป คิดอย่างเดียวเลยว่าทำให้ดีที่สุดครับ ก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง “มาดพยัคฆ์” ครับ จะเข้าฉายวันที่ 24 กันยายนครับ 2558 ฉายที่โรงในเครือ SF เป็น Exclusive Movie ฉาย 3 โรงครับ ที่ Central world, พัทยา, แล้วก็ที่ศูนย์การค้าเมย่า เชียงใหม่ ฝากติดตามหนังเล็ก ๆ เรื่อง “มาดพยัคฆ์” ด้วยครับ ขอบคุณครับ

บทสัมภาษณ์ผู้กำกับหนัง "มาดพยัคฆ์" | นรชาย กัจฉปานนท์ https://youtu.be/tZZhrZz-Uro





ความคิดเห็น